นโยบายต่างประเทศของประเทศออสเตรเลีย
ออสเตรเลียส่งเสริมการมีบทบาทสำคัญในกรอบอาเซียน โดยออสเตรเลียกำลังจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ เข้าร่วมการประชุม East Asia Summit (EAS) นอกจากนั้น ออสเตรเลียยังมีบทบาทที่แข็งขันในการรักษาสันติภาพในติมอร์เลสเต โดยได้ส่งกองกำลังร่วมกับไทยเพื่อรักษาสันติภาพในช่วงปี 2542-2545 และล่าสุดออสเตรเลียได้ส่งกองกำลังไปรักษาความสงบอีกรอบในช่วงปี2549 ถึงปัจจุบัน
ภายหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายในสหรัฐฯ
และเหตุระเบิดที่เกาะบาหลี
รัฐบาลออสเตรเลียได้ประกาศใช้สมุดปกขาวด้านนโยบายต่างประเทศและการค้าฉบับใหม่
ภายใต้ชื่อ Advancing the National Interest ในเดือนกุมภาพันธ์2546
โดยวางกรอบยุทธศาสตร์การดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทางด้านการเมืองความมั่นคงและเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน
มุ่งเน้นการคุ้มครองคนชาติและผลประโยชน์ของออสเตรเลียจากภัยก่อการร้ายระหว่างประเทศ
การต่อสู้กับปัญหาการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ การลักลอบค้ามนุษย์
การค้ายาเสพติดและปัญหาสิ่งแวดล้อม
โดยให้ความสำคัญพิเศษต่อความร่วมมือในการป้องกันภัยดังกล่าวกับประเทศและภูมิภาคที่อยู่ใกล้ออสเตรเลียที่สุด
(immediate
region) มุ่งเน้นความรับผิดชอบร่วมกันภายใต้กรอบสหประชาชาติ
รวมทั้งการส่งเสริมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
โดยมุ่งขจัดอุปสรรคทางการค้าพหุภาคีภายใต้องค์การการค้าโลกและเอเปค
และการส่งเสริมการจัดทำความตกลงการค้าเสรี
ออสเตรเลียเห็นว่าความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ มีความสำคัญทั้งในด้านการเมือง
ความมั่นคงและเศรษฐกิจ และให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ
มากยิ่งขึ้นในทุกมิติของความสัมพันธ์
พร้อมกับมุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านในแปซิฟิกใต้เพื่อให้สามารถพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และมีเสถียรภาพอันเป็นผลประโยชน์ของออสเตรเลีย
ส่วนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้น
มหาอำนาจออสเตรเลียได้ให้ความสำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่นและจีนโดยอมีนาคม2550 และศุลกากร พร้อมทั้ง การฝึกร่วมทางการทหาร
ในปัจจุบัน
ประเด็นด้านนโยบายต่างประเทศที่ออสเตรเลียให้ความสำคัญมาก คือ
การต่อต้านการก่อการร้าย ปัญหาในอิรัก และอัฟกานิสถาน
การแพร่ขยายอาวุธที่มีอำนาจในการทำลายล้างสูง (non-proliferation) การปฏิรูปสหประชาชาติ
และปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศต่างๆ เช่น พม่า ซิมบับเว
และการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดนก (Avian Influenza Pandemic)
นโยบายด้านการต่างประเทศปัจจุบัน (นายกรัฐมนตรีกิลลาร์ด)
- นโยบายด้านต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีกิลลาร์ดจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากนักจากช่วงที่ผ่านมาภายใต้การนำของอดีตนายกรัฐมนตรีรัดด์
การที่นายรัดด์ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีกิลลาร์ด
สะท้อนความจริงที่ว่า นายรัดด์ยังคงมีอำนาจต่อรองอยู่มากภายในพรรคแรงงาน
นโยบายภาพรวมยังเน้นความเป็นพันธมิตรหลักกับสหรัฐฯ และกับพันธมิตรตะวันตก
เร่งเพิ่มพูนปฏิสัมพันธ์กับเอเชีย โดยเฉพาะจีน อาเซียนและอินเดีย เนื่องจากออสเตรเลียพึ่งพาตลาดจีนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในระยะที่ผ่านมา
การค้าขายกับจีนมีส่วนสำคัญ
ในการพยุงให้เศรษฐกิจของออสเตรเลียรอดพ้นวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยในปี 2552 ทำให้ออสเตรเลียต้อง ปรับทิศทางการปฏิสัมพันธ์ในภาพอื่นๆ
กับจีนให้ใกล้ชิดมากขึ้นด้วยโดยลำดับ และต้องพยายามหาดุลยภาพระหว่างการเป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา
(ในเอเชีย) กับการดำรงผลประโยชน์แห่งชาติของออสเตรเลียในการปฏิสัมพันธ์กับจีน
ตลาดประเทศคู่ค้าของออสเตรเลียที่สำคัญ ได้แก่ อาเซียน-ร้อยละ 16 ญี่ปุ่น-ร้อยละ 13 จีน-ร้อยละ 12 และสหรัฐอเมริกา- ร้อยละ 11 อาเซียนนับเป็นคู่ค้า (ระดับภูมิภาค)
ที่มีมูลค่าการค้ากับออสเตรเลียสูงที่สุดในปัจจุบัน
- การแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัย
และผู้ลักลอบเข้าเมืองทางทะเลเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนต่อการเมือง
ภายในของออสเตรเลีย และท่าทีของออสเตรเลียภายใต้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีกิลลาร์ด
อาจจะทำให้ประเทศต่างๆ ที่มีประชากรต้องการอพยพเข้าไปในออสเตรเลียต้องผิดหวัง
เนื่องจากมาตรการที่จะกรองคนเข้าเมืองจะเข้มข้นขึ้น
และมีความมุ่งมั่นที่จะลงโทษผู้กระทำผิดคดีลักลอบขนคนเข้าเมืองขั้นเด็ดขาด ในปี 2553
รัฐบาลออสเตรเลียจะผลักดันให้เกิดการจัดตั้ง Regional
Processing Center หรือ
ศูนย์แรกรับผู้อพยพ ในประเทศติมอร์-เลสเต
ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลติมอร์-เลสเต และประเทศ
ที่เกี่ยวข้อง